บริการทำความสะอาด: วิธีล้างห้องน้ำคราบสกปรกฝั่งแน่น ล้างห้องน้ำอย่างไรให้กลับมาใสปิ๊งหากห้องน้ำที่บ้านคุณเริ่มส่งกลิ่นเหม็นตุ ๆ หรือมีคราบเหลืองสกปรกเต็มไปหมด พยายามขัดทำความสะอาดห้องน้ำเท่าไรคราบสกปรกเหล่านั้นก็ออกไม่หมด กลิ่นเหม็นก็ไม่หายไปสักที คุณอาจจะกำลังทำความสะอาดห้องน้ำผิดวิธีอยู่ก็เป็นได้
จึงอยากมาเผยเคล็ดลับวิธีล้างห้องน้ำแบบเจาะลึกทุกขั้นตอน วิธีทำความสะอาดห้องน้ำให้กลับมาสะอาดเหมือนใหม่ รับรองว่าหากคุณได้นำเคล็ดลับจาก แม่บ้านมืออาชีพ ไปใช้ ห้องน้ำอันแสนสกปรกจะกลับมาสะอาดทุกตารางนิ้วอย่างแน่นอน
วิธีล้างห้องน้ำให้สะอาด
การล้างห้องน้ำไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่ทำให้ห้องน้ำมีความหอมสะอาดมากขึ้นเท่านั้น แต่วิธีล้างห้องน้ำที่ถูกต้องยังช่วยลดการสะสมเชื้อโรค เนื่องจากห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่มีความชื้นสูง หากคุณไม่ทำความสะอาดห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอ แบคทีเรียจะเริ่มเติบโตและสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ อันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้
นอกจากนี้การทำความสะอาดห้องน้ำยังมีประโยชน์ตรงที่คุณได้ออกกำลังกายไปด้วยในตัว ช่วยลดความเครียด เป็นการจัดระเบียบบ้านทำให้บ้านของคุณดูน่าอยู่ แลดูสบายตายิ่งขึ้นด้วย
อุปกรณ์ล้างห้องน้ำ มีอะไรบ้าง
หากคุณอยากทำความสะอาดห้องน้ำให้ใสวิ๊ง คุณต้องมีอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องน้ำให้ครบเสียก่อน โดยมีดังนี้
1. ผ้าฟองน้ำอเนกประสงค์ (Sponge Cloth)
ผ้าฟองน้ำอเนกประสงค์เป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องน้ำที่คุณควรมี เพราะสามารถใช้เช็ดถูคราบน้ำตามบริเวณอ่างล้างหน้า เช็ดกระจกในห้องน้ำ หรือกำแพงในห้องน้ำได้ และยังสามารถใช้งานอเนกประสงค์ในครัวเรือนได้อีกด้วย
2. แปรงขัดโถสุขภัณฑ์ (Toliet Bowl Jet)
โถสุขภัณฑ์จะมีบริเวณที่คุณอาจจะยากต่อการเข้าถึง โดยหัวแปรงขัดโถสุขภัณฑ์จะมีเส้นใยขัดและมาพร้อมกับรูปทรงโค้ง สามารถเข้าถึงในส่วนที่ทำความสะอาดได้ยาก
3. แปรงขัดพื้น (Floor Scrub)
แปรงขัดพื้นเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญ เพราะใช้ขัดทำความสะอาดพื้นห้องน้ำและคราบสกปรกตามบริเวณผนัง
4. แปรงขัดกระเบื้องและร่องยาแนว (Antimicrobial Tile and Grout Brush)
แปรงขัดกระเบื้องและร่องยาแนวช่วยคุณทำความสะอาดได้ทุกซอกมุม ขจัดคราบฝังแน่นให้หลุดออกได้ง่ายดาย
5. ฟองน้ำ (Sponge)
วิธีล้างห้องน้ำให้ใสปิ๊งคุณต้องมีฟองน้ำด้วย และควรเลือกฟองน้ำที่ทำมาจากผ้า เนื่องจากความนุ่มจะทำให้ดูดซับน้ำได้มาก การใช้ฟองน้ำเช็ดถูคราบน้ำที่เกาะตามบริเวณต่าง ๆ ยังช่วยลดการเกิดเชื้อราและเชื้อโรคในห้องน้ำได้ และผิวสัมผัสของฟองน้ำยังไม่สร้างเกิดรอยขีดข่วนให้กับภาชนะด้วย นอกจากนี้คุณยังสามารถนำฟองน้ำไปใช้งานได้ตามอเนกประสงค์
ขั้นตอนและวิธีล้างห้องน้ำให้สะอาดเหมือนใหม่
1. ทำความสะอาดบริเวณเปียกชื้น
วิธีล้างห้องน้ำบริเวณเปียกชื้นให้คุณฉีดน้ำยาทำความสะอาดตามก๊อกน้ำและอุปกรณ์อื่นๆ
ห้องน้ำบางบ้านอาจจะมีการแบ่งพื้นที่เป็นโซนเปียกและโซนแห้ง ซึ่งบริเวณที่เปียกชื้นมักจะมีคราบสบู่ คราบไขมัน เส้นผม รวมไปถึงคราบน้ำที่เกาะอยู่ตามก๊อกน้ำและฝักบัว หากคุณทำความสะอาดห้องน้ำไม่ถูกวิธี ล้างคราบสกปรกออกไม่หมด อาจก่อให้เกิดเชื้อรา และเชื้อโรคอื่น ๆ ได้
วิธีล้างห้องน้ำบริเวณเปียกชื้น ให้คุณฉีดน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีฤทธิ์ทำลายพื้นผิว หรือจะใช้น้ำสบู่ใส่ขวดสเปรย์ฉีดพ่นตามชั้นวาง ราวจับ ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์อื่น ๆ ต่อมาให้นำฟองน้ำขัดถูคราบสกปรกแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง เพื่อเป็นการป้องกันและลดการสะสมแบคทีเรีย
สำหรับวิธีทำความสะอาดฝักบัวก็ง่ายมาก โดยให้คุณนำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำเปล่าใส่ถุงพลาสติก จากนั้นนำมาครอบไว้ที่หัวฝักบัวแล้วนำหนังยางมารัดไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เมื่อครบเวลาแล้วให้นำถุงออก ต่อมาให้เปิดน้ำระดับแรงสุดเพื่อไล่สิ่งสกปรกที่อยู่ในฝักบัวให้ออกมาจนหมด
2. ทำความสะอาดบนพื้นผนังและเพดาน
พื้นผนังในห้องน้ำถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่มักมีคราบสบู่ คราบไขมัน และฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่เกาะอยู่ โดยวิธีทำความสะอาดพื้นผนังห้องน้ำให้คุณใช้น้ำอุ่นฉีดให้ทั่วผนัง จากนั้นให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือฟองน้ำชุบน้ำสบู่ หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดเช็ดตามผนัง แล้วตามด้วยผ้าแห้งหรือไม้รีดน้ำมาเช็ดผนัง เพื่อลดความชื้นอันเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อรา
บริเวณเพดานให้คุณใช้ไม้กวาด หรืออุปกรณ์ปัดฝุ่น กวาดฝุ่นและหยากไย่ให้ฝุ่นตกลงมาด้านล่างเสียก่อนจากนั้นค่อยทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ แต่คุณไม่ควรใช้น้ำฉีดขึ้นไปบนเพดาน เพราะความชื้นจะทำให้ฝ้าเพดานเสียหายได้
3. ทำความสะอาดอ่างล้างหน้าที่มีคราบสกปรกฝั่งแน่น
อ่างล้างหน้ามักมีคราบสกปรกอยู่เรื่อย เพราะคุณต้องใช้งานทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้า แปรงฟัน หรือการล้างมือ จึงเกิดสิ่งสกปรกเกาะได้ง่าย โดยวิธีล้างอ่างล้างหน้าให้คุณใช้น้ำยาล้างจานและฟองน้ำขัดถูทำความสะอาด
หากมีคราบสกปรกให้นำแปรงสีฟันเก่าขัดคราบเหล่านั้นออก แต่ถ้าคราบสกปรกบนอ่างล้างหน้านั้นฝั่งแน่นให้ใช้น้ำยาขจัดหินปูน หรือผงคลอรีนสำหรับฆ่าเชื้อมาผสมกับน้ำ จากนั้นราดทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วค่อยขัดคราบสกปรกออก
นอกจากนี้คุณควรทำความสะอาดภายในท่อด้วย โดยผสมน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดาจากนั้นเทลงในท่อระบายน้ำ เพื่อขจัดคราบสกปรกและคราบไขมันที่เกาะอยู่ภายใน และการล้างท่อน้ำยังช่วยป้องกันปัญหาท่ออุดตันอีกทั้งยังช่วยลดปัญหากลิ่นเหม็นของท่อน้ำด้วย
4. ทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์ที่มีคราบเหลือง
วิธีล้างห้องน้ำให้หอมสะอาดคุณจะต้องทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์ด้วย เนื่องจากเป็นจุดที่เราใช้งานทุกวัน จึงเกิดคราบเหลืองและคราบสกปรกบนโถสุขภัณฑ์ โดยวิธีทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์ที่มีคราบเหลืองคือ ให้คุณเทน้ำยาทำความสะอาดทิ้งไว้สักพัก
ต่อมาใช้แปรงขัดทำความสะอาดขัดให้ครบทุกซอกมุม และอย่าลืมขัดตามบริเวณขอบโถ ฝาโถสุขภัณฑ์ด้วย จากนั้นปิดฝาโถสุขภัณฑ์ก่อนกดชำระล้าง หากคุณทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์ทุกวันจะช่วยลดการเกิดคราบเหลืองได้
5. ทำความสะอาดคราบสกปรกตามร่องยาแนว
พื้นห้องน้ำก็เป็นจุดที่ค่อนข้างทำความสะอาดยาก เนื่องจากมีลักษณะเป็นร่อง ๆ การใช้แปรงขัดธรรมดาก็ไม่สามารถขจัดสิ่งสกปรกให้ออกหมดได้ ซึ่งวิธีขัดห้องน้ำตามร่องยาแนวคือ ให้คุณใช้น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดามาผสมกันแล้วนำมาราดตามร่องยาแนว
จากนั้นทิ้งไว้สักพักหนึ่ง แล้วใช้แปรงขนาดเล็กหรือแปรงสีฟันเก่ามาขัดตามร่องยาแนว เมื่อขัดเสร็จเรียบร้อยให้ล้างด้วยน้ำ และใช้ไม้รีดน้ำกวาดน้ำบนพื้นออกให้หมดเพื่อลดความชื้นและป้องกันการเกิดเชื้อรา
6. ทำความสะอาดพัดลมดูดอากาศ
อีกหนึ่งจุดที่ทำให้ห้องน้ำของคุณมีกลิ่นเหม็นนั้นมาจากพัดลมดูดอากาศ เนื่องจากต้องสัมผัสกับความชื้น คราบไขมัน และเศษฝุ่นสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตลอดเวลา ทำให้มีคราบสกปรกไปเกาะสะสม
ซึ่งวิธีทำความสะอาดพัดลมดูดอากาศให้คุณทำการถอดฝาปิดใบพัดออก จากนั้นนำใบพัดของพัดลมดูดอากาศมาล้างทำความสะอาด เช็ดสิ่งสกปรกออกภายในพัดลมออกให้หมด
7. ทำความสะอาดกระจกและบริเวณอื่น
วิธีล้างห้องน้ำให้สะอาดใสวิ๊ง คุณต้องล้างทำความสะอาดกระจกด้วย เพราะเวลาที่คุณแปรงฟัน ล้างหน้า มักจะมีคราบยาสีฟัน คราบสบู่ และฝ้าจากไอน้ำไปเกาะบนกระจก โดยวิธีทำความสะอาดกระจกให้คุณใช้น้ำยาเช็ดกระจก น้ำยาล้างจาน หรือจะใช้แอลกอฮอล์มาเช็ดทำความสะอาดกระจกก็สามารถใช้ได้
นอกจากนี้คุณควรทำความสะอาดตามชั้นวางของ ที่วางสบู่ แก้วใส่แปรงสีฟัน และขวดของใช้ต่าง ๆ เพราะเชื้อโรคสามารถไปเกาะบนสิ่งของเหล่านั้นได้ด้วย โดยให้คุณล้างด้วยน้ำเปล่าและเช็ดให้แห้ง เพื่อป้องกันความชื้นอันเป็นสาเหตุให้เกิดเป็นคราบราดำ