เลือก ท่อลมร้อน ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างการเลือกท่อลมร้อนให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ระบบระบายอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยมีคุณสมบัติที่ควรพิจารณา ดังนี้:
ความทนทานต่อความร้อน:
ท่อลมร้อนต้องสามารถทนต่ออุณหภูมิของลมร้อนที่ระบายได้ โดยไม่เสียรูปทรงหรือเสื่อมสภาพ
วัสดุที่ใช้ทำท่อลมต้องมีจุดหลอมเหลวสูง และทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว
ความทนทานต่อสารเคมี:
หากมีการระบายอากาศที่มีสารเคมีเจือปน ท่อลมต้องทำจากวัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมี
วัสดุที่นิยมใช้ ได้แก่ สแตนเลส หรือไฟเบอร์กลาส
ความแข็งแรงและความทนทาน:
ท่อลมต้องมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับแรงดันอากาศ และแรงกระแทกจากภายนอก
วัสดุที่นิยมใช้ ได้แก่ เหล็กกล้าสังกะสี หรือสแตนเลส
ความยืดหยุ่น:
ในบางกรณี อาจต้องการท่อลมที่มีความยืดหยุ่น เพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้งในพื้นที่จำกัด หรือปรับเปลี่ยนทิศทางการระบายอากาศ
ท่อลมผ้าใบเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่น
การป้องกันการรั่วไหล:
ท่อลมต้องมีการป้องกันการรั่วไหลของอากาศ เพื่อลดการสูญเสียพลังงาน และป้องกันการแพร่กระจายของสารอันตราย
การเชื่อมต่อระหว่างท่อลมและข้อต่อต่างๆ ต้องแน่นหนา
ความสะดวกในการติดตั้งและบำรุงรักษา:
เลือกท่อลมที่ติดตั้งและบำรุงรักษาง่าย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ควรเลือกท่อลมที่มีพื้นผิวเรียบ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด
คุณสมบัติในการลดเสียงรบกวน:
ท่อลมร้อนบางชนิดมีคุณสมบัติในการลดเสียงรบกวนได้ โดยหลักการทำงานคือการใช้วัสดุดูดซับเสียงบุภายในท่อ หรือใช้อุปกรณ์ลดเสียง (Silencer) ติดตั้งในระบบท่อลม เพื่อลดเสียงที่เกิดจากการไหลของอากาศ
วัสดุที่นิยมใช้ทำท่อลมร้อน:
เหล็กกล้าสังกะสี (Galvanized Steel): เหมาะสำหรับงานระบายอากาศทั่วไปในโรงงานอุตสาหกรรม
สแตนเลส (Stainless Steel): เหมาะสำหรับงานระบายอากาศที่มีสารเคมีรุนแรง หรืออุณหภูมิสูง
อะลูมิเนียม (Aluminum): เหมาะกับระบบดูดควันและระบายอากาศถาวร
ผ้าใบเคลือบ PVC (PVC Coated Fabric): เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่นและเคลื่อนย้ายง่าย
ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass): เหมาะกับงานระบายอากาศที่มีสารเคมีเจือปน
ในการเลือกท่อลมร้อน ควรพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว เพื่อให้ได้ท่อลมที่เหมาะสมกับการใช้งาน และมีประสิทธิภาพในการระบายอากาศสูงสุด