แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - airrii

หน้า: [1] 2 3 ... 13
1

ในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวน การมองหาที่เก็บเงินที่ปลอดภัยและให้กำไรที่แน่นอนกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของใครหลายคน ประกันแบบสะสมทรัพย์ จึงกลายเป็นเครื่องมือทางการเงินยอดฮิต เพราะนอกจากจะช่วยคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังเป็นตัวช่วยสร้างเงินก้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

1. สร้าง "วินัยการออม" เพื่อเป้าหมายในอนาคต
อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของการเก็บเงินคือ "ความสม่ำเสมอ" หลายคนตั้งใจจะออมแต่สุดท้ายก็มีเรื่องให้ต้องใช้จ่ายออกไป การทำประกันแบบสะสมทรัพย์จะช่วยฝึก วินัยการออม ให้กับคุณได้อย่างยอดเยี่ยม
การออมแบบบังคับ: การจ่ายเบี้ยประกันตามกำหนดช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะมีเงินก้อนโตในวันที่สัญญาครบกำหนด
วางแผนได้ชัดเจน: คุณจะรู้ล่วงหน้าเลยว่าเมื่อถึงเวลา 10 ปี หรือ 20 ปี คุณจะมีเงินคืนกลับมาจำนวนเท่าไหร่ ทำให้วางแผนเกษียณหรือวางแผนการศึกษาบุตรได้แม่นยำ



2. "ประหยัดภาษี" สูงสุดถึง 100,000 บาท
สำหรับมนุษย์เงินเดือน ประโยชน์ที่จับต้องได้ทันทีคือการใช้สิทธิ์ ประหยัดภาษี โดยรัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนมีการวางแผนการเงินผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิต
เงื่อนไข: ประกันแบบสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป สามารถนำค่าเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
ความคุ้มค่า: การได้เงินคืนจากภาษี เปรียบเสมือนได้รับกำไรเพิ่มขึ้นทันทีตั้งแต่วันที่จ่ายเบี้ย

3. รับ "ผลตอบแทน" ที่แน่นอนและปลอดภัย
หากเป็นคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ประกันแบบสะสมทรัพย์คือคำตอบ เพราะ ผลตอบแทน ถูกระบุไว้ชัดเจนในสัญญาตั้งแต่วันแรก
เงินคืนรายปี: หลายแผนมีเงินคืน ให้ทุกปีระหว่างสัญญา ช่วยให้มีกระแสเงินสดไว้ใช้จ่าย
เงินก้อนเมื่อครบกำหนด: เมื่อสิ้นสุดสัญญา ก็จะได้รับเงินก้อนใหญ่ ซึ่งมักจะสูงกว่าเงินต้นที่จ่ายไป
คุ้มครองชีวิต: ในระหว่างที่ออม หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ครอบครัวจะได้รับเงินชดเชยตามทุนประกันที่ระบุไว้ ซึ่งการฝากเงินในธนาคารทั่วไปไม่สามารถให้สิทธิ์นี้ได้

ลงทุนน้อยแต่ได้มากด้วยประกันสะสมทรัพย์ การทำประกันแบบสะสมทรัพย์ไม่ใช่แค่การซื้อความคุ้มครอง แต่คือการวางรากฐานชีวิตผ่าน วินัยการออมที่แข็งแกร่งพร้อมรับผลตอบแทนที่มั่นคง และช่วยให้ประหยัดภาษได้อย่างคุ้มค่าในทุก ๆ ปี

2
หลายคนมักมองว่า เบี้ยประกันชีวิต คือภาระผูกพันทางการเงินในระยะยาวที่ต้องจ่ายทุกเดือนหรือทุกปี แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเข้าใจกลไกของการบริหารเงินจะพบว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปนั้นคือ "เครื่องมือ" ชั้นดีที่ช่วยจัดการโครงสร้างทางการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น

1. เบี้ยประกันชีวิต คือ
เบี้ยประกันชีวิต คือจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยต้องชำระให้แก่บริษัทประกัน เพื่อแลกกับการได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองกรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือแม้แต่การออมเงินเพื่อรับผลตอบแทนคืนในอนาคต

2. เครื่องมือสำคัญในการ ลดความเสี่ยงทางการเงิน
หัวใจหลักของการซื้อประกันคือการ ลดความเสี่ยงทางการเงิน โดยเบี้ยที่จ่ายไปจะทำหน้าที่เป็น "เงินสำรองฉุกเฉิน" ในวันที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
คุ้มครองรายได้ของครอบครัว: หากหัวหน้าครอบครัวเป็นอะไรไป ประกันจะจ่ายเงินก้อนเพื่อประคองฐานะทางการเงินของคนข้างหลัง
ป้องกันหนี้สิน: ในกรณีมีหนี้บ้านหรือหนี้สินก้อนใหญ่ ประกันชีวิตจะช่วยปิดภาระเหล่านี้แทน ไม่ให้ตกเป็นภาระของลูกหลาน
ค่ารักษาพยาบาล: การซื้อสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพร่วมกับเบี้ยหลัก จะช่วยให้ไม่ต้องนำเงินเก็บทั้งชีวิตมาจ่ายเป็นค่าหมอเมื่อเจ็บป่วย



3. รากฐานสำคัญของการ วางแผนเกษียณ
สำหรับคนที่ต้องการมีชีวิตที่สุขสบายหลังหยุดทำงาน การ วางแผนเกษียณ ผ่านประกันชีวิตถือเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุดทางหนึ่ง
ประกันแบบบำนาญ: เบี้ยประกันที่จ่ายในวันนี้ จะเปลี่ยนเป็น "เงินบำนาญ" ที่จ่ายให้ทุกปีอย่างสม่ำเสมอหลังอายุ 60 ปี
วินัยทางการเงิน: การจ่ายเบี้ยประกันเป็นการบังคับออมเงินอย่างเป็นระบบ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีเงินก้อนไว้ใช้จ่ายในยามชรา
สิทธิประโยชน์ทางภาษี: เบี้ยประกันชีวิตทั่วไปลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท และแบบบำนาญลดหย่อนได้เพิ่มอีกสูงสุด 200,000 บาท ซึ่งเงินภาษีที่ได้คืนมานี้ก็คือกำไรที่ช่วยให้แผนเกษียณถึงเป้าหมายเร็วขึ้น

4. ปัจจัยที่มีผลต่อค่าเบี้ยประกันชีวิต
เพื่อให้จัดการงบประมาณได้ดีขึ้น ควรเข้าใจว่าค่าเบี้ยถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับ
อายุ: ยิ่งเริ่มทำตั้งแต่อายุน้อย เบี้ยประกันยิ่งถูก
สุขภาพ: ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีประวัติโรคร้ายแรงจะได้เบี้ยในอัตราปกติ
แบบกรมธรรม์: แผนที่เน้นความคุ้มครองสูง (เช่น แบบตลอดชีพ) มักมีเบี้ยที่คุ้มค่ากว่าแผนที่เน้นออมทรัพย์ระยะสั้น

การบริหาร เบี้ยประกันชีวิต อย่างถูกต้อง จะช่วยให้สามารถ ลดความเสี่ยงทางการเงิน ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ พร้อมทั้งเป็นส่วนสำคัญในการ วางแผนเกษียณ เพื่อใช้ชีวิตในอนาคตอย่างอิสระและไร้กังวล


3
ในการเลือกซื้อประกันชีวิต หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ ควรจ่ายเบี้ยแบบไหนดี  ระหว่างรายเดือนหรือรายปี แม้การแบ่งจ่ายรายเดือนจะดูเหมือนช่วยสภาพคล่อง แต่ทราบหรือไม่ว่า ประกันชีวิตรายปี คือทางเลือกที่ช่วยให้ประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากกว่า และช่วยให้การบริหารจัดการการเงินในระยะยาวมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

1. ทำไม ประกันชีวิตรายปี ถึงถูกกว่ารายเดือน
โดยส่วนใหญ่แล้ว บริษัทประกันภัยมักจะมีส่วนลดพิเศษหรือการคำนวณเบี้ยที่ถูกลงสำหรับผู้ที่เลือกชำระแบบรายปี หากลองคำนวณดูดี ๆ การจ่ายรายเดือน 12 ครั้ง รวมกันมักจะมีมูลค่าสูงกว่าการจ่ายรอบเดียวประมาณ 5-8% ดังนั้นการเลือก ประกันชีวิตรายปี จึงเท่ากับว่าได้ลดค่าใช้จ่ายทันทีตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำ

2. วิธีเลือก แผนความคุ้มครอง ให้เหมาะสม
ก่อนตัดสินใจควรพิจารณา แผนความคุ้มครอง ที่สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิต ดังนี้:
เน้นความมั่นคงของครอบครัว: เลือกแผนความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตสูง (Term หรือ Whole Life) เพื่อเป็นหลักประกันให้คนข้างหลัง
เน้นการออมและผลตอบแทน: เลือกแผนแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) ที่มีเงินคืนตามรอบปี เพื่อสร้างเงินก้อนในอนาคต
เน้นดูแลสุขภาพ: พ่วงสัญญาเพิ่มเติมค่ารักษาพยาบาลหรือโรคร้ายแรง เพื่อให้ครอบคลุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น



3. บริหาร เบี้ยงบประมาณ อย่างไรไม่ให้เป็นภาระ
การจ่ายเงินก้อนปีละครั้งอาจดูเป็นจำนวนมาก แต่หากมีการวางแผน เบี้ยงบประมาณ ที่ดีจะพบว่ามันจัดการง่ายกว่าที่คิด:
การออมล่วงหน้า: แบ่งรายได้ในแต่ละเดือนสะสมไว้ในบัญชีแยกเฉพาะสำหรับการจ่ายเบี้ยประกัน เมื่อถึงกำหนดจ่าย จะมีเงินก้อนพร้อมทันทีโดยไม่กระทบเงินส่วนอื่น
สอดคล้องกับรายได้พิเศษ: เลือกกำหนดรอบการจ่ายเบี้ยประกันให้ตรงกับช่วงที่โบนัสออก หรือช่วงที่มีรายได้เข้ามามากเป็นพิเศษ
ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี: อย่าลืมว่าเบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท (และประกันบำนาญอีก 200,000 บาท) ซึ่งจะช่วยให้ได้  เงินคืน กลับมาในรูปแบบของภาษีที่ลดลง

4. สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากการจ่ายรายปี
นอกเหนือจากส่วนลดเบี้ยประกันแล้ว การชำระแบบรายปีมักจะมาพร้อมกับโปรโมชั่นบัตรเครดิต เช่น การสะสมคะแนนแบบก้าวกระโดด หรือโปรโมชั่นแลกรับของสมนาคุณ ซึ่งช่วยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ซ้อนสิทธิประโยชน์ไปในตัว

เริ่มต้นวางแผนเพื่อความมั่นคงตั้งแต่วันนี้ การเลือกทำ ประกันชีวิตรายปี ไม่ใช่แค่เรื่องของการจ่ายเงิน แต่คือการลงทุนใน แผนความคุ้มครอง ที่คุ้มค่าที่สุดภายใต้ เบี้ยงบประมาณ ที่กำหนดเองได้ เพื่อให้ใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวลในทุกย่างก้าว

4
เหนื่อยล้าจากงานมาทั้งวัน สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือการได้ยืนอยู่ใต้สายน้ำชุ่มฉ่ำเพื่อให้ความสดชื่นชะล้างความเหนื่อยล้าออกไป หากกำลังมองหาวิธีอัปเกรด ห้องน้ำทันสมัย ให้ดูหรูหราและผ่อนคลายยิ่งขึ้น การเลือกติดตั้ง ชุดฝักบัว rain shower คือคำตอบที่เปลี่ยนโลกของการพักผ่อนในบ้านไปอย่างสิ้นเชิง

1. ทำไม Rain Shower ถึงสร้าง "สุนทรียภาพ การอาบน้ำ" ได้มากกว่า?
ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดของ Rain Shower กับฝักบัวมือถือทั่วไปคือ "สัมผัสของสายน้ำ"
• การเลียนแบบธรรมชาติ: Rain Shower ถูกออกแบบมาให้ปล่อยน้ำในแนวดิ่ง เลียนแบบการตกลงมาของฝนตามธรรมชาติ ทำให้สายน้ำสัมผัสทั่วร่างกายพร้อมกัน ช่วยลดความเครียดและทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
• ความนุ่มนวลที่แตกต่าง: ด้วยเทคโนโลยีการผสมอากาศเข้าไปในหยดน้ำ (Air Injection) ทำให้หยดน้ำมีขนาดใหญ่แต่สัมผัสนุ่มนวล ไม่เจ็บผิว เพิ่มระดับ สุนทรียภาพ การอาบน้ำ ให้เหมือนกับการทำสปาในโรงแรม 5 ดาว



2. หัวใจสำคัญของ "ห้องน้ำทันสมัย"
ในงานดีไซน์ยุคใหม่ ชุดฝักบัว แบบ Rain Shower ไม่ได้มีหน้าที่แค่ปล่อยน้ำ แต่เป็น "เฟอร์นิเจอร์" ชิ้นเอกที่ทำให้ห้องน้ำดูมีระดับ:
• ดีไซน์ที่เรียบหรู: ไม่ว่าจะเป็นทรงกลมที่ดูอ่อนโยน หรือทรงเหลี่ยมที่ดูโฉบเฉี่ยวแบบ Minimalist
• การซ่อนระบบ: สำหรับ ห้องน้ำทันสมัย การติดตั้งแบบฝังผนังหรือฝังเพดาน (Built-in) จะช่วยให้พื้นที่ดูสะอาดตา กว้างขวาง และดูพรีเมียมมากยิ่งขึ้น

3. สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเลือกซื้อ "ชุดฝักบัว" แบบ Rain Shower
เพื่อให้ได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ก่อนตัดสินใจ
หัวข้อที่ควรพิจารณา   รายละเอียด
แรงดันน้ำ (Water Pressure)   Rain Shower ต้องการแรงดันน้ำที่สม่ำเสมอ ควรตรวจสอบว่าปั๊มน้ำที่บ้านมีกำลังเพียงพอหรือไม่
วัสดุ (Material)   ควรเลือกสแตนเลส 304 หรือทองเหลืองชุบโครเมียม เพื่อความทนทานและป้องกันสนิม
ฟังก์ชันเสริม   บางรุ่นมีระบบควบคุมอุณหภูมิคงที่ (Thermostatic) ช่วยป้องกันน้ำร้อนลวกกะทันหัน
การติดตั้ง   มีทั้งแบบต่อจากท่อเดิม (Exposed) และแบบฝังผนัง (Concealed) ซึ่งให้ความสวยงามต่างกัน

การเลือก ชุดฝักบัว แบบ Rain Shower คือการลงทุนกับคุณภาพชีวิต เพราะในทุก ๆ วันที่ก้าวเข้าสู่ห้องน้ำ มันไม่ใช่แค่การทำความสะอาดร่างกาย แต่คือช่วงเวลาแห่งการปรนนิบัติอารมณ์ใน ห้องน้ำทันสมัย
เปลี่ยนห้องน้ำธรรมดาให้เป็นสวรรค์แห่งการพักผ่อน

5
จอประสาทตาเสื่อม ส่วนใหญ่มักเป็นผู้สูงวัย หรือกลุ่มคนวัยทำงานที่ใช้สายตาหนักและเริ่มกังวลเรื่องการมองเห็นที่ผิดปกติ เช่น มองภาพบิดเบี้ยว หรือมีจุดดำกลางภาพ

ภาวะจอประสาทตาเสื่อม คือความผิดปกติที่เกิดขึ้นบริเวณ "จุดรับภาพชัด" ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดของจอประสาทตา ทำหน้าที่ช่วยให้เรามองเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้ชัดเจน เมื่อจุดนี้เสื่อมสภาพลง จะทำให้การมองเห็นภาพตรงกลางมัวลง บิดเบี้ยว หรือหายไปในที่สุด

แยกให้ชัด ตาแห้ง กับ จอประสาทตาเสื่อม ต่างกันอย่างไร
หลายคนมักสับสนระหว่างอาการ ตาแห้ง กับจอประสาทตาเสื่อม เนื่องจากมีอาการระคายเคืองตาคล้ายกันในระยะแรก
ตาแห้ง : เกิดจากน้ำตาหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ ทำให้แสบตา เคืองตา รู้สึกเหมือนมีเม็ดทรายในตา หรือตาพร่ามัวชั่วคราวเมื่อกะพริบตาจะดีขึ้น
จอประสาทตาเสื่อม : เป็นเรื่องของโครงสร้างภายในดวงตา อาการหลักคือมองภาพตรงกลางไม่ชัด เห็นเส้นตรงเป็นเส้นคลื่น หรือเห็นจุดดำบังกลางภาพ ซึ่งอาการนี้ไม่หายไปด้วยการหยอดน้ำตาเทียม



อาการแบบไหน ที่ต้องรีบพบแพทย์
- มองเห็นภาพตรงกลางมัว แต่ภาพด้านข้างยังชัดอยู่
- เห็นเส้นตรง (เช่น ขอบประตู หรือตาราง) เป็นเส้นบิดเบี้ยวหรือคดเคี้ยว
- การอ่านหนังสือทำได้ยากขึ้น แม้จะใช้แว่นสายตาแล้ว
- ความสว่างของสีลดลง หรือแยกแยะสีได้ยากขึ้น

แนวทางการรักษา
ในปัจจุบัน การรักษา ภาวะจอประสาทตาเสื่อมมีเป้าหมายหลักคือ "การชะลอความเสื่อม" และรักษาการมองเห็นที่เหลืออยู่ให้ได้นานที่สุด โดยวิธีที่นิยม ได้แก่
การฉีดยาเข้าวุ้นตา : สำหรับประเภทเปียก เพื่อยับยั้งหลอดเลือดที่ผิดปกติและลดการรั่วซึม
การใช้เลเซอร์ : เพื่อทำลายหลอดเลือดที่ผิดปกติ
การรับประทานวิตามินบำรุง : แพทย์อาจแนะนำวิตามินสูตรเฉพาะ (เช่น AREDS2) เพื่อชะลอการลุกลามในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง

การดูแลและป้องกัน
เราสามารถลดความเสี่ยงและ การดูแลและป้องกัน จอประสาทตาไม่ให้เสื่อมก่อนวัยได้ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้:
สวมแว่นกันแดดเสมอ : เพื่อป้องกันรังสี UV และแสงสีฟ้าที่ทำลายจอประสาทตา
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน : เน้นผักใบเขียว (ลูทีนและซีแซนทีน) และปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง
งดสูบบุหรี่ : การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับต้นๆ ที่ทำให้จอประสาทตาเสื่อมเร็วขึ้น
ตรวจสุขภาพตาประจำปี : โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง
ใช้ตารางกริด : เช็กการมองเห็นด้วยตัวเองเป็นประจำ เพื่อตรวจหาความบิดเบี้ยวของภาพ

ภาวะจอประสาทตาเสื่อมเป็นโรคที่มาพร้อมกับอายุและไลฟ์สไตล์ แต่หากเรามีความเข้าใจเรื่อง การรักษา ที่ถูกต้อง และใส่ใจใน การดูแลและป้องกัน ตั้งแต่วันนี้อย่าปล่อยให้อาการพร่ามัวเป็นเรื่องปกติของวัย มีอาการมองภาพบิดเบี้ยว หรือสงสัยว่ามีอาการมากกว่าแค่ ตาแห้ง แนะนำให้ปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด


6
ทำความรู้จัก Acubi Style เทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าเกาหลีสุดฮิตที่ผสมผสานความ Minimal และ Y2K เข้าด้วยกันแบบลงตัว พร้อมไอเดียการแต่งตัวให้ดูแพงแต่เรียบง่าย และลายแทงแหล่งshopping ที่สายแฟชั่นต้องรู้

Acubi Style เทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าเกาหลี เรียบแต่โก้ สไตล์ตัวแม่ที่ต้องมีติดตู้ ลุคการแต่งตัวที่ดูเหมือนจะเรียบง่ายแต่กลับมีดีเทลที่น่าดึงดูดใจ เช่น เสื้อครอปเข้ารูป กางเกงทรงหลวม และโทนสีที่เน้นความคลาสสิก นี่แหละครับคือสิ่งที่เรียกว่า "Acubi Style" เทรนด์ แฟชั่นเสื้อผ้า ที่กำลังครองใจวัยรุ่นทั่วเอเชีย โดยเฉพาะในเกาหลีและไทย

คำว่า "Acubi" มีที่มาจากชื่อร้านเสื้อผ้าในเกาหลีที่ชื่อว่า Acubi Club ซึ่งนำเสนอแฟชั่นที่เป็นการผสมผสานระหว่าง 3 สไตล์หลักเข้าด้วยกัน
• Minimalism: ความเรียบง่าย ใช้สีคุมโทน (ขาว เทา ดำ น้ำตาล)
• Cyber Y2K: ความเท่ ความล้ำสมัย และเสื้อผ้าทรงเข้ารูป
• Subversive Basics: การนำเสื้อผ้าพื้นฐานมาดีไซน์ใหม่ให้มีลูกเล่น เช่น การตัดเย็บแบบ Cut-out, การซ้อนเลเยอร์ หรือการใช้สายระโยงระยาง



5 ไอเทมเด็ดที่สาย Acubi ต้องมีติดตู้
หากกำลังวางแผนจะไป shopping เพื่อเปลี่ยนลุค นี่คือ List สิ่งที่ต้องซื้อ
Bolero / Shrug      เสื้อคลุมแขนยาวตัวสั้นที่ใส่ทับเสื้อสายเดี่ยว ช่วยเพิ่มเลเยอร์
Baby Tee      เสื้อยืดตัวจิ๋วพอดีตัว เน้นโชว์รูปร่างแบบเท่ ๆ
Cargo / Parachute Pants      กางเกงทรงลุงหรือกางเกงคาร์โก้ ช่วยสร้างสมดุลกับเสื้อตัวเล็ก
Cut-out Tops   เสื้อที่มีรอยขาดหรือช่องโหว่แบบตั้งใจ ดูมีเสน่ห์แบบไม่ต้องพยายาม
Silver Accessories   เครื่องประดับเงินเรียบ ๆ เช่น สร้อยคอโซ่ หรือหูฟัง Headphone

เทคนิคการแต่งตัวสไตล์ Acubi ให้ดู "Clean & Cool"
1. คุมโทนสี Neutral: ลืมสีนีออนไปได้เลยครับ Acubi จะเน้นสี ขาว ดำ เทา ครีม และสีเอิร์ธโทน เพื่อให้ลุคดูสะอาดตาแต่ยังมีความลึกลับ
2. เล่นกับสัดส่วน (Tight on top, Loose on bottom): กฎเหล็กคือถ้าเสื้อรัดรูป กางเกงต้องโคร่ง เพื่อให้ได้ Silhouette ที่ดูแฟชั่น
3. เลเยอร์คือหัวใจ: การใส่เสื้อสายเดี่ยวทับด้วยเสื้อตาข่าย หรือเสื้อคลุม Bolero จะช่วยเปลี่ยนจากชุดธรรมดาให้กลายเป็น แฟชั่นเสื้อผ้า ที่ดูมีมิติมากขึ้น

แหล่ง Shopping และการเลือก ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ปัจจุบันการหาซื้อชุดสไตล์ Acubi ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
• ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ใน IG  ซึ่งมักจะคัดงานเกรดดีและดีไซน์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
• แอปพลิเคชัน Shopping ออนไลน์ เพียงแค่ค้นหาคำว่า "Acubi" หรือ "Subversive Basics" ก็จะมีตัวเลือกมากมายในราคาย่อมเยา
• เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ศูนย์รวมแฟชั่นค้าส่งที่ดีที่สุดในอาเซียน “The Best Wholesale Fashion Hub of ASEAN” ตั้งอยู่บริเวณย่านประตูน้ำ ศูนย์การค้าส่ง และค้าปลีกสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่นขนาดใหญ่ที่มีความทันสมัยประกอบไปด้วยร้านเสื้อผ้ามากกว่า 2,500 ร้าน

Acubi Style ไม่ใช่แค่การแต่งตามกระแส แต่คือการนำความเรียบง่ายมาตีความใหม่ให้ดูสนุกและมั่นใจมากขึ้น หากกำลังมองหาลุคที่ใส่ไปคาเฟ่ก็ได้ หรือใส่ไปเที่ยวกลางคืนก็ดูชิค เทรนด์นี้คือคำตอบที่ใช่ที่สุด

7
หากกำลังวางแผนสร้างบ้านหรือรีโนเวทห้องน้ำ คำว่า "สุขภัณฑ์" คงเป็นคำที่ได้ยินบ่อยที่สุด แต่ทราบหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วสุขภัณฑ์ไม่ได้หมายถึงแค่โถส้วม อย่างที่เข้าใจ แต่ยังรวมถึงองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้การใช้ห้องน้ำสมบูรณ์แบบและถูกสุขลักษณะอีกด้วย

สุขภัณฑ์ คือ อะไร มีประเภทไหนบ้าง และเทรนด์ สุขภัณฑ์อัตโนมัติ ในปัจจุบันคุ้มค่ากับการลงทุนจริงหรือไม่

1. สุขภัณฑ์ คืออะไร ทำความรู้จักหัวใจของห้องน้ำ
สุขภัณฑ์ (Sanitary Ware) คือ อุปกรณ์ที่ติดตั้งภายในห้องน้ำเพื่อใช้ในการขับถ่ายและชำระล้างร่างกาย โดยเน้นเรื่องของสุขอนามัยเป็นหลัก วัสดุส่วนใหญ่มักทำจากเซรามิกหรือพอร์ซเลน เพราะมีความทนทาน ทำความสะอาดง่าย และไม่ดูดซึมน้ำ

สุขภัณฑ์ห้องน้ำ พื้นฐานที่ทุกบ้านต้องมี
โถสุขภัณฑ์ หัวใจหลักของห้องน้ำ มีทั้งแบบชิ้นเดียว (สวยงาม ทำความสะอาดง่าย) และแบบสองชิ้น (ราคาประหยัด ซ่อมแซมง่าย)
อ่างล้างหน้า มีหลายดีไซน์ ทั้งแบบวางบนเคาน์เตอร์, แบบแขวนผนัง หรือแบบฝัง เพื่อตอบโจทย์พื้นที่ที่แตกต่างกัน
โถปัสสาวะ  มักใช้ในห้องน้ำชาย เพื่อความสะดวกและประหยัดน้ำ



2. อุปกรณ์ห้องน้ำ เติมเต็มการใช้งานให้สมบูรณ์
นอกจากตัวสุขภัณฑ์หลักแล้ว อุปกรณ์ห้องน้ำ อื่นๆ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นส่วนที่ช่วยเสริมฟังก์ชันการใช้งานให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น เช่น
ฝักบัวและก๊อกน้ำ ควรเลือกที่ทำจากวัสดุไม่เป็นสนิม เช่น สแตนเลส 304 หรือทองเหลืองชุบโครเมียม
สายฉีดชำระ อุปกรณ์เล็กๆ ที่ต้องเลือกความทนทานของแรงดันน้ำเป็นหลัก
ราวแขวนผ้าและที่วางสบู่ ช่วยจัดระเบียบให้ห้องน้ำดูสะอาดตา

3. ก้าวล้ำไปกับ สุขภัณฑ์อัตโนมัติ
ในปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไปสู่ความสะดวกสบายและสุขอนามัยขั้นสูงสุด ทำให้ สุขภัณฑ์อัตโนมัติ กลายเป็นไอเทมยอดฮิตที่หลายบ้านเลือกใช้

ทำไมต้องเลือกสุขภัณฑ์อัตโนมัติ
Touchless Experience ลดการสัมผัสโดยตรงด้วยระบบเปิด-ปิดฝาอัตโนมัติ และระบบฟลัชเองเมื่อใช้งานเสร็จ
ความสบายเหนือระดับ มีระบบทำความร้อนที่ฝารองนั่ง และระบบเป่าลมอุ่น
ความสะอาดที่เหนือกว่า ก้านฉีดชำระที่ปรับทิศทางและอุณหภูมิได้ พร้อมระบบฆ่าเชื้อในตัว
ประหยัดพลังงานและน้ำ ระบบเซนเซอร์อัจฉริยะช่วยคำนวณปริมาณน้ำที่ใช้ได้อย่างแม่นยำ

4. เทคนิคการเลือกซื้อสุขภัณฑ์ให้คุ้มค่าและตรงใจ
เพื่อให้ได้ห้องน้ำที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่สุด ควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้

ขนาดพื้นที่ ก่อนซื้อควรวัดระยะห่างจากผนังถึงกึ่งกลางท่อน้ำทิ้งเพื่อป้องกันปัญหาติดตั้งไม่ได้
ระบบชำระล้าง มองหาเทคโนโลยีอย่าง Cyclone หรือ Tornado Flush ที่ชำระล้างได้สะอาดหมดจดโดยใช้ปริมาณน้ำน้อย
ดีไซน์และความสวยงาม เลือกโทนสีและรูปทรงที่เข้ากับกระเบื้องห้องน้ำ เพื่อคุมโทนภาพรวมของบ้าน
การรับประกันและบริการหลังการขาย สุขภัณฑ์คืออุปกรณ์ที่ใช้งานระยะยาว การมีอะไหล่รองรับจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

การเลือก สุขภัณฑ์ห้องน้ำ ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกของใช้ชิ้นหนึ่ง แต่มันคือการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตและความสะดวกสบายของสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเลือกใช้สุขภัณฑ์แบบมาตรฐาน หรืออัปเกรดเป็น สุขภัณฑ์อัตโนมัติ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือก อุปกรณ์ห้องน้ำ ที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับพื้นที่การใช้งาน

8
ในโลกของการเงินที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การทำประกันชีวิตถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยง แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า อะไรคือหลักประกันที่ทำให้คุณมั่นใจได้ว่า กรมธรรม์ที่คุณถืออยู่จะยังคงมีผลบังคับใช้ แม้ในสถานการณ์ที่บริษัทประกันอาจประสบปัญหา คำตอบคือ กองทุนประกันชีวิต ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่สร้างความมั่นคงให้กับระบบประกันภัยโดยรวม หน้าที่ และประโยชน์ของกองทุนฯ รวมถึงโอกาสในการวางแผนการเงินอย่างมั่นคง และประหยัดภาษีสูงสุดที่จะได้รับ

ทำความเข้าใจ กองทุนประกันชีวิต กลไกสำคัญที่คุ้มครองผู้เอาประกันภัยในกรณีที่บริษัทประกันชีวิตถูกเพิกถอนใบอนุญาต ศึกษา บทบาทหน้าที่ของกองทุนประกันชีวิต อย่างละเอียด พร้อมเผยสิทธิประโยชน์ด้าน ลดหย่อนภาษี จากการทำประกันชีวิตที่คุณไม่ควรพลาด เพื่อวางแผนการเงินอย่างมั่นคงและประหยัดภาษีสูงสุด



กองทุนประกันชีวิต มักมีวัตถุประสงค์หลักคือ
1. ต้องการความมั่นใจ ต้องการทราบว่าเงินที่จ่ายเบี้ยประกันไปจะได้รับความคุ้มครองหรือไม่ หากบริษัทประกันล้ม (โดยเฉพาะกลุ่มที่กำลังตัดสินใจทำประกัน)
2. ต้องการทราบขอบเขตความคุ้มครอง กองทุนฯ มีหน้าที่ทำอะไรบ้าง คุ้มครองเท่าไร และคุ้มครองเมื่อใด
3. ต้องการสิทธิประโยชน์ สนใจในเรื่องการ ลดหย่อนภาษี ที่มาพร้อมกับการทำประกันชีวิต

กองทุนประกันชีวิต
ถูกจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต โดยมีสถานะเป็นนิติบุคคล มีหน้าที่หลักในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับผู้เอาประกันภัยและระบบประกันชีวิตโดยรวม
สิ่งที่ควรรู้: กองทุนประกันชีวิต ไม่ได้คุ้มครองการไม่ได้รับเงินจากการถูกปฏิเสธจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามปกติ แต่คุ้มครองในกรณีที่บริษัทประกันภัย ถูกเพิกถอนใบอนุญาต เท่านั้น

วงเงินคุ้มครองและหลักประกันความมั่นคง
แม้ว่ากองทุนประกันชีวิตจะเข้ามารับผิดชอบแทนบริษัทที่ล้ม แต่ก็มี วงเงินจำกัด เพื่อรักษาเสถียรภาพของกองทุนฯ:
• วงเงินคุ้มครองปัจจุบัน ผู้เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองจากกองทุนฯ สูงสุด ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย สำหรับกรมธรรม์ที่ได้ทำไว้กับบริษัทประกันชีวิตที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
• ข้อยกเว้น  กรมธรรม์ประกันชีวิตประเภทที่ได้รับยกเว้น เช่น ประกันกลุ่มที่ไม่ได้มีผลประโยชน์เป็นเงินตามจำนวนที่แน่นอน กรมธรรม์ที่ทำนอกราชอาณาจักร หรือกรมธรรม์ที่ไม่มีการเอาประกันชีวิต

3. ประกันชีวิตกับการ ลดหย่อนภาษี: สิทธิประโยชน์ที่คุณได้รับ
การทำประกันชีวิตไม่ได้ให้แค่ความคุ้มครองเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนภาษี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานจำนวนมากให้ความสนใจ
ประกันชีวิตทั่วไป   สูงสุด 100,000 บาท ระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
ประกันสุขภาพ   สูงสุด 25,000 บาท   รวมกับประกันชีวิตทั่วไปไม่เกิน 100,000 บาท
เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ   สูงสุด 200,000 บาท ไม่เกิน 15% ของเงินได้ แต่เมื่อรวมกับ RMF และ PVD แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท

การใช้สิทธิประโยชน์  การทำประกันชีวิตเพื่อ ลดหย่อนภาษี จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยกรมสรรพากร เช่น ผู้เอาประกันและผู้จ่ายเบี้ยต้องเป็นคนเดียวกัน และกรมธรรม์ต้องมีการทำประกันชีวิตจริง ซื้อประกันออนไลน์


9
ทำไมชุดนอนถึงกลายเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น ผู้คนในปัจจุบันกำลังมองหาวิธีการแต่งตัวที่เน้นความสบายสูงสุด  แต่ยังคงดูดีมีสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังยุคที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น ชุดนอนจึงถูกดึงออกมาจากห้องนอนและกลายมาเป็นเทรนด์แฟชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ที่ต้องการความชิล ดูแพง และไม่ต้องพยายามมาก

ไอเดียแปลงโฉมชุดนอนให้เป็นแฟชั่นสุดปัง (Pajama Fashion Style Guide)
ชุดนอนยุคใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผ้าคอตตอนเรียบ ๆ อีกต่อไป แต่มาพร้อมดีไซน์หรูหราและเนื้อผ้าที่ดูดี ทำให้ง่ายต่อการมิกซ์แอนด์แมตช์



1. สไตล์ Loungewear Co-ord Set (ชุดเซ็ตชิลแต่ดูดี)
ชุดนอนผ้าซาติน ผ้าไหม หรือผ้าลินินแบบเข้าชุดกัน (เสื้อเชิ้ตแขนยาวและกางเกงขายาว) คือกุญแจสำคัญในการสร้างลุคนี้
วิธีการแต่ง: ใส่ชุดเซ็ตทั้งชุดแล้วเพิ่มเข็มขัดเส้นเล็ก ๆ เพื่อเน้นสัดส่วน หากต้องการให้ดูเป็นทางการขึ้น ลองเปลี่ยนจากรองเท้าแตะเป็น รองเท้าส้นเตี้ยปลายแหลม หรือรองเท้าผ้าใบสีขาว
เครื่องประดับ: แว่นกันแดดทรงสวย และกระเป๋าสะพายข้างดีไซน์หรู ช่วยให้ชุดนอนดูเหมือนชุดทำงานลำลองทันที

2. The Pajama Top Mix (เสื้อนอนกับกางเกงยีนส์)
ดึงเอาเฉพาะส่วนบนของชุดนอนมาแมตช์กับไอเท็มอื่น ๆ ที่เป็นทางการขึ้น
วิธีการแต่ง: นำ เสื้อเชิ้ตผ้าซาติน หรือเสื้อคอปกของชุดนอนมาใส่คู่กับ กางเกงยีนส์ทรงตรง  หรือกางเกงผ้าลินินขาสั้น
เลเยอร์: ใส่เสื้อกล้ามสีพื้นไว้ด้านใน และเปิดกระดุมเสื้อนอนด้านบน 1-2 เม็ด เพื่อให้ลุคดูผ่อนคลายแต่ไม่โป๊

3. Slip Dress Day Look (ชุดกระโปรงสายเดี่ยวใส่เที่ยว)
ชุดนอนสายเดี่ยวผ้าซาตินหรือชุดกระโปรงผ้าลูกไม้สามารถปรับให้เป็นชุดใส่เที่ยวกลางวันได้ง่าย ๆ
วิธีการแต่ง: สวม เสื้อยืดคอกลมสีพื้น ไว้ด้านในชุด Slip Dress เพื่อให้ลุคดูซอฟต์ลงและเป็น Casual Look หรือใส่ เสื้อคลุมถักทับด้านนอก
รองเท้า: รองเท้าบูทสั้น หรือรองเท้าแตะมีสายรัด ทำให้ลุคดูเฟมินีนและน่ารัก

เคล็ดลับสำคัญในการยกระดับแฟชั่นชุดนอน
เพื่อให้ลุคชุดนอนดูไม่เหมือนเพิ่งตื่นนอน แต่ดูเหมือนแฟชั่นจากร้านเสื้อผ้าชั้นนำ ให้เน้นที่รายละเอียดเหล่านี้
เน้นเนื้อผ้า: เลือกเนื้อผ้าที่มีความมันวาวและพริ้วไหว เช่น ผ้าซาติน, ผ้าไหม, หรือผ้ากำมะหยี่ เนื้อผ้าเหล่านี้ช่วยให้ชุดดูแพงขึ้น
ทรงผมและการแต่งหน้า: แม้จะเน้นความชิล แต่ควรแต่งหน้าเบา ๆ และทำผมให้ดูเป็นทรง เช่น มัดผมหางม้าต่ำ หรือปล่อยผมแบบมีวอลลุ่ม เพื่อไม่ให้ดูโทรม
เครื่องประดับที่มีคุณภาพ: นาฬิกาข้อมือ, สร้อยคอเรียบ ๆ, หรือต่างหูห่วง จะช่วยเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับ แฟชั่นเสื้อผ้าผู้หญิง สไตล์นี้

จะให้ชุดนอนสวย ๆ อยู่แค่ในห้องได้ไง ถึงเวลาแล้วที่จะนำสไตล์ความสบายออกมาสู่โลกภายนอก ลองเปิดตู้เสื้อผ้าและเลือกชุดนอนที่ดูดีที่สุด มามิกซ์แอนด์แมตช์วันนี้ หากต้องการช้อปปิ้งไอเท็มใหม่ ๆ ที่จะมาเติมเต็มลุคนี้ อย่าลืมแวะไปที่ clothing store ใกล้บ้านหรือร้านออนไลน์ที่ชื่นชอบ สนุกกับการเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นชุดนอนสไตล์ชิล ๆ ในปีนี้


10
ฝารองนั่งชักโครก (Toilet Seat) เป็นมากกว่าแค่ส่วนประกอบหนึ่งของสุขภัณฑ์ แต่เป็นส่วนที่สัมผัสโดยตรงกับร่างกายและส่งผลต่อสุขอนามัยและความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเลือกฝารองนั่งที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีความต้องการพิเศษ ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับฝารองนั่งชักโครก และให้ข้อมูลเพื่อช่วยให้ตัดสินใจเลือกได้อย่างถูกต้อง



1.ทำความรู้จักประเภทของ ฝารองนั่ง ตามลักษณะการใช้งาน
ฝารองนั่งชักโครกสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ได้ตามฟังก์ชันและดีไซน์
1.1 ฝารองนั่งแบบมาตรฐาน
ลักษณะ: เป็นฝารองนั่งพื้นฐานที่สุด มีทั้งรูปทรงกลม และรูปทรงรี
วัสดุที่ใช้ทั่วไป: พลาสติก หรือไม้
จุดเด่น: ราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่าย ติดตั้งง่าย

1.2 ฝารองนั่งแบบลดแรงกระแทก หรือแบบ Soft Close
ลักษณะ: มีกลไกพิเศษที่ช่วยให้ฝารองนั่งและฝาปิดชักโครกปิดลงอย่างช้า ๆ และเงียบเชียบ
จุดเด่น: ป้องกันการกระแทกและเสียงดัง, ยืดอายุการใช้งานของสุขภัณฑ์, ปลอดภัยสำหรับเด็ก ไม่หนีบนิ้ว

1.3 ฝารองนั่งอเนกประสงค์ หรือแบบมีระบบชำระล้าง
ลักษณะ: เป็นฝารองนั่งที่มีระบบทำความสะอาดส่วนตัวในตัว มักมีฟังก์ชันเสริม เช่น การพ่นน้ำทำความสะอาด (ด้านหน้าและด้านหลัง), การเป่าลมแห้ง, การทำความร้อนที่นั่ง, หรือแม้แต่ระบบฆ่าเชื้อ
จุดเด่น: เพิ่มสุขอนามัยขั้นสูง, ลดการใช้กระดาษชำระ, สะดวกสบายมากสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย

1.4 ฝารองนั่งชักโครก ผู้สูงอายุ และผู้ใช้งานพิเศษ
ลักษณะ: ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะ
แบบยกสูง: เพิ่มความสูงของที่นั่ง ทำให้ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าลุกนั่งได้ง่ายขึ้น
แบบมีที่จับ: เพิ่มความมั่นคงในการลุกนั่ง
แบบเปิดด้านหน้า: มักใช้ในห้องน้ำสาธารณะหรือทางการแพทย์ เพื่อให้การทำความสะอาดส่วนตัวทำได้ง่ายขึ้น
จุดเด่น: เน้นความปลอดภัยและเข้าถึงได้ง่าย, ตอบโจทย์หลักของ ฝารองนั่งชักโครก ผู้สูงอายุ

2.องค์ประกอบสำคัญในการเลือก ฝารองนั่ง
ก่อนซื้อฝารองนั่งชักโครกใหม่ให้พิจารณาสิ่งเหล่านี้:
2.1 รูปทรงและขนาด
สิ่งสำคัญที่สุดคือการวัดขนาดชักโครกให้แม่นยำ เพื่อให้เข้ากันได้พอดี โดยมีหลัก ๆ คือ:
ทรงกลม: จะสั้นกว่า เหมาะกับห้องน้ำขนาดเล็ก
ทรงรี: จะยาวกว่า ให้พื้นที่นั่งที่สบายกว่า

2.2 วัสดุ
พลาสติก: น้ำหนักเบา ราคาถูก
พลาสติก: แข็งแรง ทนทาน ให้ผิวสัมผัสคล้ายเซรามิก ดูพรีเมียมกว่า ทนรอยขีดข่วนได้ดีกว่า
ไม้: ให้ความรู้สึกอบอุ่น สวยงาม แต่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

2.3 คุณสมบัติพิเศษ
ระบบ Quick Release: สามารถถอดฝารองนั่งออกได้ง่ายด้วยการกดปุ่ม เพื่อทำความสะอาดได้ทั่วถึง
สารต้านแบคทีเรีย: วัสดุที่มีการผสมสารที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค


11
หากเกิดความรู้สึกปวดปัสสาวะรุนแรงบ่อยครั้ง มีเลือดปนมากับปัสสาวะ หรือต้องเข้าห้องน้ำอยู่แทบจะตลอดเวลากับอาการเหล่านี้อยู่ อาจกำลังมี นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ โดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นภาวะที่สร้างความทรมานและบั่นทอนคุณภาพชีวิตอย่างมาก หลายคนกังวลว่านิ่วในกระเพาะปัสสาวะรักษา ได้หรือไม่ หรืออาการที่เป็นอยู่จะรุนแรงจนนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอย่าง กรวยไตอักเสบ หรือไม่

สาเหตุของการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะคือการรวมตัวของแร่ธาตุในปัสสาวะกลายเป็นก้อนแข็งๆ ซึ่งมักเกิดจากการที่กระเพาะปัสสาวะไม่สามารถขับปัสสาวะออกได้จนหมด ทำให้มีปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ และเป็นแหล่งสะสมของสารตกค้าง

สาเหตุหลักๆ ที่นำไปสู่การเกิดนิ่ว
ต่อมลูกหมากโต (BPH): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในผู้ชาย เพราะต่อมลูกหมากที่ขยายใหญ่ขึ้นจะไปเบียดท่อปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะออกไม่หมด
การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ: เช่น ภาวะกระเพาะปัสสาวะหย่อน, การตีบของท่อปัสสาวะ หรือการผ่าตัดบางชนิด
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง: โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียที่สามารถสลายยูเรียและเพิ่มค่าความเป็นด่าง (pH) ของปัสสาวะ
ภาวะแทรกซ้อนจากอุปกรณ์ทางการแพทย์: เช่น การคาสายสวนปัสสาวะเป็นเวลานาน



การรักษานิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
ปัจจุบันการรักษาทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและมักไม่จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่เสมอไป วิธีการรักษาหลักๆ
การรักษาด้วยยา: ในกรณีที่นิ่วมีขนาดเล็ก แพทย์อาจให้ยาเพื่อช่วยละลายก้อนนิ่ว แต่ไม่ได้ผลกับนิ่วทุกชนิด
การส่องกล้องสลายนิ่ว: เป็นวิธีมาตรฐานที่นิยมใช้ โดยการใส่กล้องขนาดเล็กผ่านท่อปัสสาวะเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ จากนั้นใช้คลื่นเสียง หรือเลเซอร์ สลายนิ่วให้แตกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วจึงดูดออก เป็นการรักษาที่มีแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
การผ่าตัด: ใช้ในกรณีที่นิ่วมีขนาดใหญ่มาก มีจำนวนมาก หรือมีการอุดกั้นที่ซับซ้อน โดยแพทย์จะผ่าเปิดกระเพาะปัสสาวะเพื่อนำนิ่วออก

ข้อควรระวัง: การปล่อยให้มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะไว้นานอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น การติดเชื้อรุนแรงที่อาจลุกลามจนเกิด กรวยไตอักเสบ อาการ หรือภาวะไตวายได้

การเลือก สถานพยาบาล และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
มองหาแพทย์เฉพาะทาง: ตรวจสอบว่าแพทย์มีประสบการณ์ในการทำหัตถการส่องกล้องสลายนิ่ว
ตรวจสอบเทคโนโลยี: สถานพยาบาลควรมีเครื่องมือสำหรับการสลายนิ่วที่ทันสมัย เช่น เลเซอร์ หรือเครื่องสลายด้วยคลื่นเสียง
คำนึงถึงการดูแลหลังการรักษา: การดูแลเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำมีความสำคัญไม่แพ้กัน

อย่าปล่อยให้อาการปวดปัสสาวะมาทำลายความสุขในชีวิต หากมีอาการที่น่าสงสัย หรือต้องการทราบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมโดยเฉพาะ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินปัสสาวะทันที เพื่อวินิจฉัยที่แม่นยำ และวางแผนการรักษาเพื่อให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกครั้ง

12
เครื่องมือทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ความกังวลด้านการเงินหลังวางแผนเกษียณ และยังช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้ทันทีในปีปัจจุบัน คือ ประกันชีวิต และ ประกันชีวิตแบบบำนาญ

1. ประกันชีวิตทั่วไป (ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท)
-ประโยชน์หลัก ให้ความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพในขณะที่คุณยังมีรายได้ และเมื่อครบกำหนดสัญญา คุณจะได้เงินคืน
-ประโยชน์ด้านภาษีเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป (สัญญา 10 ปีขึ้นไป) สามารถนำไป ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
-เป็นการสร้างวินัยการออมและสร้างหลักประกันให้ครอบครัว หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน



2. ประกันชีวิตแบบบำนาญ (ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท)
-ประโยชน์หลัก: ออกแบบมาเพื่อการเกษียณโดยเฉพาะ โดยคุณจะจ่ายเบี้ยขณะทำงาน และเมื่อถึงวัยเกษียณตามกำหนด (เช่น อายุ 55-60 ปี) บริษัทประกันจะจ่ายเงินบำนาญให้คุณเป็นรายงวดต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 85 หรือ 90 ปี
-ประโยชน์ด้านภาษีสามารถนำเบี้ยไป ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท (เมื่อรวมกับ RMF/SSF และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท)
-สร้าง "กระแสเงินสดประจำ" ที่มั่นคงและแน่นอนหลังเกษียณ ซึ่งช่วยต่อสู้กับความเสี่ยงเรื่องอายุยืนยาวได้เป็นอย่างดี

การใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีผ่านประกันชีวิตถือเป็นการ "บังคับออม" ทางอ้อมที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์ด้านภาษี ทำให้เงินส่วนที่เคยต้องจ่ายให้รัฐถูกนำมาเก็บไว้ให้ตัวคุณเองในอนาคต

3 ขั้นตอนเริ่มต้นวางแผนเกษียณด้วยประกัน
-ประเมินอายุขัยและค่าใช้จ่าย คำนวณว่าหลังเกษียณ (เช่น อายุ 60 ปี) คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ต่อเดือนไปจนถึงอายุเท่าไหร่ (เช่น 85 ปี)ประกันชีวิตผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป
-ตรวจสอบสิทธิลดหย่อนภาษี ดูว่าปีนี้คุณใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีไปแล้วเท่าไหร่ และยังเหลือโควต้าสำหรับ ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี หรือ ประกันบำนาญ อีกเท่าไหร่
-หากเน้นการสร้างรายได้ประจำหลังเกษียณและต้องการใช้สิทธิ์ลดภาษีเต็มที่ ควรพิจารณา ประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่มีกำหนดการจ่ายผลตอบแทนที่ชัดเจน

อย่ารอให้วันพรุ่งนี้สายเกินไปสำหรับการวางแผน วันเกษียณที่มั่นคงการใช้เครื่องมือทางการเงินที่ให้ประโยชน์ทั้งในวันนี้ (ลดภาษี) และในอนาคต (มีเงินใช้หลังเกษียณ) คือทางออกที่ชาญฉลาดที่สุด

-การลดภาระภาษีในปัจจุบัน: ลดหย่อนภาษีประกัน ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี (เน้นการประหยัดภาษีในวันนี้)
-เครื่องมือเก็บเงินระยะยาว: ประกันชีวิตแบบบำนาญ วางแผนเกษียณ RMF/SSF (เน้นการสร้างเงินก้อนในอนาคต)
-การเปรียบเทียบข้อดี: ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี ดีไหม ซื้อประกันบำนาญคุ้มค่าหรือไม่
-ประกันชีวิต และ ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นเครื่องมือหลักในการตอบโจทย์ทั้งการลดหย่อนภาษีและการสร้างความมั่นคงในวัยเกษียณ


13
ปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรงสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแต่ละสาเหตุมีวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกันไป เลือก วาล์วฝักบัว แบบไหนดี เพื่อให้น้ำไหลได้แรงดั่งใจอีกครั้ง การอาบน้ำควรเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย แต่บ่อยครั้งที่วาล์วฝักบัวเจ้าปัญหา อุณหภูมิเอาแน่เอานอนไม่ได้ ขณะที่กำลังอาบน้ำอุ่นสบายจู่ๆ น้ำก็ร้อนจี๋จนเกือบจะลวก หรือเย็นวาบจนต้องสะดุ้งสุดตัว นั่นแหละคือ วาล์วฝักบัวที่ควบคุมอุณหภูมิได้ไม่เสถียร

แรงดันน้ำแสนอ่อนแอ: ถึงแม้จะเปิดสุดแล้ว แต่น้ำที่ไหลออกมาก็ยังแผ่วเบาเหมือนสายฝนปรอย ๆ ทั้งที่บ้านอื่นน้ำแรงดี
การปรับที่น่าหงุดหงิด: หมุนก็แล้ว เลื่อนก็แล้ว แต่กว่าจะได้อุณหภูมิที่พอดีเป๊ะ ก็ใช้เวลาไปหลายนาที
วาล์วรั่วซึม/ขึ้นสนิม: เห็นคราบน้ำหรือร่องรอยสนิมบริเวณวาล์วไหม นั่นเป็นสัญญาณว่าวาล์วเริ่มเสื่อมสภาพ และอาจทำให้ต้องเสียค่าน้ำเพิ่มโดยไม่จำเป็น



วาล์วฝักบัวไม่ได้มีแค่แบบ "เปิด-ปิด" ธรรมดาอีกต่อไป นี่คือ 2 ประเภทหลักที่ควรรู้จัก เพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น
1. วาล์วผสม (Mixing Valve / Manual Valve)
หลักการทำงาน: เป็นวาล์วที่เราคุ้นเคย มีมือจับ 1 หรือ 2 ตัว (สำหรับน้ำร้อนและน้ำเย็น) ต้องหมุนเพื่อผสมน้ำให้ได้อุณหภูมิที่ต้องการด้วยตัวเอง
ข้อดี: ราคาไม่แพง, ติดตั้งง่าย
ข้อเสีย: อุณหภูมิไม่คงที่ หากมีการใช้น้ำจุดอื่นในบ้าน (เช่น เปิดก๊อกซิงค์ครัว) อุณหภูมิและแรงดันน้ำในฝักบัวจะเปลี่ยนทันที

2. วาล์วควบคุมอุณหภูมิ (Thermostatic Valve)
หลักการทำงาน: มีกลไกอัจฉริยะที่ช่วย ควบคุมและรักษาอุณหภูมิน้ำให้อยู่ในระดับที่ตั้งไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าแรงดันน้ำร้อนหรือน้ำเย็นจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหนก็ตาม
ข้อดี:
-อุณหภูมิคงที่ 100%: ลืมปัญหา "น้ำร้อนลวก" หรือ "น้ำเย็นวาบ" ไปได้เลย
-ความปลอดภัยสูง: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบ้านที่มีเด็กและผู้สูงอายุ เพราะสามารถตั้งค่าจำกัดอุณหภูมิสูงสุดได้
-สะดวกสบาย: โดยไม่ต้องเสียเวลาปรับอุณหภูมิใหม่ทุกครั้งที่อาบ
ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าวาล์วผสมทั่วไปเล็กน้อย แต่คุ้มค่ากับความสบายและปลอดภัยที่ได้มา

สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกซื้อวาล์วฝักบัว
วัสดุ: เลือกวาล์วที่ทำจากทองเหลืองคุณภาพดีเพื่อความทนทานต่อการกัดกร่อนและการเกิดสนิม
มาตรฐาน: ตรวจสอบว่ามีกลไกตัดน้ำร้อนอัตโนมัติ หรือไม่ โดยเฉพาะวาล์ว Thermostatic
ประเภทการติดตั้ง: วาล์วเป็นแบบติดผนัง หรือแบบฝังผนัง เลือกให้เหมาะสมกับการออกแบบห้องน้ำ

วาล์วฝักบัว (Shower Valve) คือ อุปกรณ์ควบคุมการไหลและอุณหภูมิของน้ำ ที่ส่งไปยังหัวฝักบัวของคุณ เป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดคุณภาพประสบการณ์การอาบน้ำ อย่าปล่อยให้วาล์วฝักบัวเก่า ๆ มาทำลายช่วงเวลาแห่งความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ การเปลี่ยนมาใช้วาล์วควบคุมอุณหภูมิถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับความสบาย ความปลอดภัย

14
ในชีวิตประจำวัน ความเสี่ยงจากอุบัติเหตุอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อยจากการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงอุบัติเหตุร้ายแรงที่ไม่คาดฝัน การมีหลักประกันที่คอยดูแลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล คือเครื่องมือทางการเงินที่จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวล

ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) คือ กรมธรรม์ประกันภัย ที่ให้ความคุ้มครองและชดเชยความเสียหายต่อร่างกายของผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวร อันเนื่องมาจาก อุบัติเหตุ ภายนอกร่างกาย ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่สามารถคาดการณ์ได้ และมาจากปัจจัยภายนอกร่างกายเท่านั้น



รายละเอียดความคุ้มครอง: ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง
กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ ทั่วไป มักให้ความคุ้มครองที่หลากหลายและยืดหยุ่น โดยสามารถแบ่งความคุ้มครองหลัก ๆ ได้ดังนี้:
1.ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตและสูญเสียอวัยวะ/สายตา/ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (อบ.1):
เป็นความคุ้มครองหลักของกรมธรรม์ โดยจะจ่ายเงินสินไหมทดแทนเต็มจำนวนตามทุนประกัน หากผู้เอาประกันเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรจากอุบัติเหตุ

2.ค่ารักษาพยาบาล :
บริษัทจะจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริง ตามวงเงินที่กำหนดในกรมธรรม์ เช่น ค่าห้อง ค่ายา ค่าแพทย์ และค่าผ่าตัด ที่เป็นผลโดยตรงจากอุบัติเหตุ

3.เงินชดเชยรายได้รายวัน :
จ่ายเป็นเงินรายวันตามที่ตกลงกันไว้ สำหรับกรณีที่ผู้เอาประกันต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน (IPD) หรือผู้ป่วยนอก (OPD) จนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

4.ผลประโยชน์เพิ่มเติม :
สามารถซื้อความคุ้มครองเสริมได้ เช่น ค่าปลงศพ ค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้าย หรือความคุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์

หลายคนมักมองข้าม ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เพราะคิดว่าตัวเองระมัดระวังดีแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นจริง ๆ มักจะเผชิญกับปัญหาเหล่านี้:
1.ภาระค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่ต้องจ่ายเองทันที :
อุบัติเหตุส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นแบบฉุกเฉินและต้องเข้ารับการรักษาทันที หากไม่มีประกัน PA ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเบื้องต้นตั้งแต่การเอกซเรย์ การทำแผล หรือการผ่าตัด อาจเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ต้องควักจ่ายทันที ซึ่งกระทบต่อเงินเก็บหรือสภาพคล่องทางการเงิน

2.เงินขาดมือเมื่อต้องหยุดงาน :
หากอุบัติเหตุทำให้ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน ผู้เอาประกันจะขาดรายได้ประจำ แต่รายจ่ายประจำอื่น ๆ ยังคงอยู่ ประกัน PA ที่มีเงินชดเชยรายวันจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะบรรเทาความเดือดร้อนในส่วนนี้

3.ไม่สามารถเลือกโรงพยาบาลที่ดีที่สุดได้ :
เมื่อไม่มีวงเงินคุ้มครองที่แน่นอน การเลือกใช้บริการทางการแพทย์อาจถูกจำกัดอยู่แค่โรงพยาบาลรัฐ หรือโรงพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาที่สะดวกและรวดเร็วได้ทันท่วงที

4.ภาระทางอารมณ์และเศรษฐกิจของครอบครัว :
ในกรณีที่เกิดเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ครอบครัวจะต้องรับมือกับความสูญเสียทั้งทางอารมณ์และเศรษฐกิจพร้อมกัน เงินสินไหมทดแทนจาก ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล จะช่วยให้ครอบครัวมีเงินก้อนเพื่อใช้ในการตั้งตัวและเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยต่อไปได้

เลือกประกันอุบัติเหตุวันนี้ เพื่อความมั่นใจในทุกวัน การลงทุนใน ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในการบริหารความเสี่ยง เพราะเบี้ยประกันไม่สูง แต่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดฝันได้อย่างดีเยี่ยม ซื้อประกันออนไลน์

15
นอนกรนคืออะไร และทำไมจึงทำให้นอนหลับไม่สนิท นอนกรน เกิดขึ้นเมื่อทางเดินหายใจส่วนบน (ลำคอและช่องจมูก) แคบลงขณะหลับ ทำให้ลมหายใจผ่านได้ยาก เนื้อเยื่อในลำคอจึงสั่นสะเทือนและเกิดเป็นเสียงดัง
แต่เมื่อการกรนนั้นรุนแรงและมีภาวะ หยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย สมองจะได้รับออกซิเจนน้อยลง และต้องสั่งให้ร่างกายสะดุ้งตื่นเป็นช่วงสั้นๆ ตลอดทั้งคืนเพื่อกลับมาหายใจปกติ แม้จะจำไม่ได้ว่าตื่น แต่การตื่นสั้นๆ ซ้ำๆ เหล่านี้คือสาเหตุหลักของภาวะ นอนหลับไม่สนิท

สาเหตุหลักที่ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง
น้ำหนักตัวเกิน: ไขมันที่สะสมบริเวณลำคอทำให้ทางเดินหายใจแคบลง
โครงสร้างทางเดินหายใจ: ทอนซิลโต ลิ้นไก่ยาว หรือผนังกั้นช่องจมูกคด
การดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยานอนหลับ: สารเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อคอคลายตัวมากเกินไป
ท่านอนหงาย: ทำให้ลิ้นและเพดานอ่อนตกลงไปขวางทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น
อายุที่เพิ่มขึ้น: กล้ามเนื้อคออ่อนแอลงตามวัย



ผลกระทบจากการนอนหลับไม่สนิทเรื้อรัง
การละเลยปัญหา นอนกรน ที่นำไปสู่การ นอนหลับไม่สนิท มีผลกระทบมากกว่าแค่ความง่วงในตอนกลางวัน
สุขภาพกาย: เพิ่มความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะเบาหวาน และระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
สุขภาพจิต: อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิในการทำงานหรือการเรียนรู้ และเพิ่มความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า
ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ: อาการง่วงนอนตลอดเวลาเพิ่มความเสี่ยงในการขับขี่ยานพาหนะและทำงานที่ต้องใช้สมาธิ

แนวทางแก้ไขปัญหา นอนกรน และ นอนหลับไม่สนิท นอนหลับไม่สนิท ตื่นบ่อย วิธีแก้
1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิต
ลดน้ำหนัก: เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดหากการกรนเกิดจากน้ำหนักตัวเกิน
เปลี่ยนท่านอน: ลองนอนตะแคงแทนการนอนหงาย การใช้หมอนบอดี้ สามารถช่วยได้
งดแอลกอฮอล์และคาเฟอีน: หลีกเลี่ยงก่อนนอนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
รักษาความสะอาดของช่องจมูก: ใช้สเปรย์น้ำเกลือหรือยาแก้แพ้หากมีอาการคัดจมูกร่วมด้วย

2. การรักษาทางการแพทย์และเครื่องมือช่วย
เครื่องมือ CPAP : เป็นวิธีรักษามาตรฐานสำหรับผู้มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรง โดยเครื่องจะช่วยดันอากาศให้ทางเดินหายใจเปิดอยู่ตลอดเวลา
อุปกรณ์ในช่องปาก : เป็นอุปกรณ์ที่ทันตแพทย์ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อดันกรามล่างและลิ้นมาด้านหน้าเล็กน้อย ป้องกันการยุบตัวของทางเดินหายใจ
การผ่าตัด: ในกรณีที่ปัญหาเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้าง เช่น ทอนซิลโต หรือผนังกั้นจมูกคด อาจมีการแนะนำให้ทำการผ่าตัด

ปัญหา นอนกรน หรือมีอาการ นอนหลับไม่สนิท จนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน อย่ามองข้ามการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียดอาจเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการกลับไปมีสุขภาพที่ดี มีพลัง และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

หน้า: [1] 2 3 ... 13
ลงประกาศฟรี โฆษณาฟรี ลงประกาศขายบ้านฟรี ลงประกาศขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถ สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว โปรโมทสินค้าฟรี เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ Google